สายพันธุ์โคนม
1.
สายพันธุ์โคนม โคนมจัดเป็นสัตว์กระเพาะรวม หรือ
สัตว์เคี้ยวเอี้อง (Ruminant) สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามแหล่งกำเนิด ได้แก่
1.1
โคนมเขตหนาว
โคพันธุ์โฮลสไตน์ (Holestein-Friesian)
โคพันธุ์โฮลสไตน์
หรือพันธุ์ฟรีเชี่ยน หรือพันธุ์ขาว-ดำ เป็นโคนมสายพันธุ์ยุโรป (Bos taurus)มีแหล่งกำเนิดจากทางตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์
เมื่อนำโคพันธุ์นี้ไปเลี้ยงในประเทศอังกฤษ จึงได้ชื่อว่าพันธุ์ฟรีเชี่ยน(Friesian) แต่ในทวีปยุโรปบางประเทศเรียกโคพันธุ์นี้ว่าพันธุ์ดำและขาว (Black
andWhite) เป็นโคที่นิยมเลี้ยงและแพร่กระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ
ทั่วโลกมากที่สุด สามารถให้ปริมาณน้ำนมมากที่สุดในบรรดาโคนมทุกสายพันธุ์
โคพันธุ์เจอร์ซี่ (Jersey)
โคพันธุ์เจอร์ซี่
(Jersey)
เป็นโคที่ให้นมซึ่งมีไขมันมากที่สุด ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เป็นโคขนาดเล็ก
น้ำหนักแรกเกิดเฉลี่ยประมาณ 25
กิโลกรัม
โคตัวผู้ที่มีความสมบูรณ์จะหนักประมาณ 680 กิโลกรัม และตัวเมียประมาณ 430 กิโลกรัม ปริมาณน้ำนมไม่มากนัก ประมาณ 3,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม รสชาติอร่อย ปริมาณไขมันในนมสูงกว่า 5% ปริมาณโปรตีน, แคลเซี่ยม
และแร่ธาตุที่สำคัญสูงกว่าโคนมสายพันธุ์อื่น ๆ
ต่างประเทศจึงนิยมเลี้ยงเพื่อผลิตเนยเป็นโคที่กินหญ้าเก่ง
สามารถเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งได้ดีพอสมควร ตาโปน หน้าหัก จมูก พู่หางมีสีดำ
รูปร่างกระทัดรัดสวยงาม สีของตัวเมียจะเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง ตัวผู้จะมีสีน้ำตาลค่อนข้างเข้มสีของโคมีสีเหลืองปนน้ำตาลหรือสีเทาปนเหลืองหรือสีเทาปนน้ำตาลจนไปถึงเกือบดำบางตัวอาจมีจุดขาวปนอยู่บางตัวอาจมีสีเดียวเป็นพื้นก็ได้ ตัวผู้จะมีสีดำมากขึ้น ลิ้นจมูกและพู่หางอาจจะมีสีดำหรือขาวก็ได้
โคพันธุ์บราวน์สวิส(Brown Swiss)
โคพันธุ์บราวน์สวิส(Brown Swiss) มีถิ่นกำเนิดในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แต่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ในสหรัฐอเมริกาให้มีรูปทรงเข้าแบบของโคนม เป็นสีน้ำตาลเข้ม บริเวณปลายจมูกมีสีน้ำตาลอ่อนๆ แกมเหลือง ส่วนจมูก ลิ้น และพู่หางจะมีสีดำ ลักษณะที่เป็นข้อดี ได้แก่ มีขนาดใหญ่ รูปร่างดีโครงสร้างแข็งแรง กระดูกใหญ่ ให้น้ำนมมาก ไขมันสูง ทนร้อนได้ดี ลักษณะที่เป็นข้อเสียเปรียบ คือเจริญเติบโตเต็มวัยช้า ทำให้ผู้เลี้ยงรอเวลานานกว่าจะได้รีดนม โคตัวผู้ตัวโตเต็มที่หนักประมาณ 800-900 กิโลกรัม โคตัวเมียเต็มที่หนักประมาณ 500-600 กิโลกรัม
ให้นมเฉลี่ย 4,500 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม
เปอร์เซ็นต์ไขมันในน้ำนมประมาณ 4% เปอร์เซ็นต์โปรตีนในน้ำนมประมาณ
3.5% องค์ประกอบในน้ำนมมีมาก เหมาะสำหรับทำเนยหรือผลิตภัณฑ์นมอื่น
ๆ ข้อดีของโคพันธุ์นี้คือ ทนต่ออากาศร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับโคยุโรปพันธุ์อื่น
ๆ
โคพันธุ์ซาฮีวาล (Sahival)
โคพันธุ์ซาฮีวาล
(Sahival)
เป็นโคนมที่ดีที่สุดของอินเดีย ถิ่นกำเนิดอยู่ในแคว้นปัญจาบ
ประเทศปากีสถานรูปร่างคล้ายเรดซินดี้ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ลำตัวยาวและลึก ค่อนข้างเจ้าเนื้อ
เขาสั้น ตัวมีสีแดง และมีแต้มสีน้ำตาลขาวทั่วไป เขาสั้นซึ่งยาวประมาณ 10 เซนติเมตร คอสั้น หูใหญ่และพับตก เหนียงคอหย่อนยาน
ตะโหนกใหญ่และมักเอียงข้าง บั้นท้ายใหญ่และกว้าง หางยาวจนพู่หางระพื้นดิน
เต้านมใหญ่และมักหย่อน เป็นโคขนาดปานกลาง ตัวผู้มีน้ำหนักประมาณ 500-600 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 400-450 กิโลกรัม
แม่โคให้นมเฉลี่ย 2,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม
และมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในน้ำนม 4.3% ให้ลูกครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ
3 ปี
โคพันธุ์เรดซินดี้
(Red
Sindhi)
โคพันธุ์เรดซินดี้ (Red Sindhi) เป็นโคที่มีชื่อเสียงของประเทศอินเดียและปากีสถาน
มีขนาดค่อนข้างเล็กตัวผู้หนักประมาณ 450-500 กิโลกรัม
ตัวเมียหนัก 300-350 กิโลกรัม
ลักษณะที่แตกต่างจากซาฮีวาลคือรูปร่างจะหนาแน่นกว่า บั้นท้ายจะกลมกว่า
ลูกโคเมื่อเกิดมีน้ำหนักตัวประมาณ 20 กิโลกรัม รูปร่างค่อนข้างลึกและหนา
บั้นท้ายกลมและลาดโค้ง สีแดงทั้งตัว บางตัวสีอ่อนจนเกือบเป็นสีขุ่น
อาจมีจุดหรือด่างขาวที่เหนียงคอและหน้าผากหัวและหน้าผากกว้างใหญ่ โคนเขาหนา
หูยาวปานกลางและพับตก มีหนังหลวมมาก พื้นท้องและเหนียงคอหย่อนมาก
เต้านมใหญ่แต่ค่อนข้างหย่อน หัวนมค่อนข้างใหญ่ ตะโหนกใหญ่แต่ไม่เท่าพันธุ์ซาฮีวาล
แม่โคให้นมเฉลี่ยได้ประมาณ 1,500-2,000 กิโลกรัมต่อระยะการให้นม
หรือให้นมประมาณวันละ 5-8กิโลกรัมเริ่มให้นมช้าคือ
เริ่มให้นมเมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป ทนต่ออากาศร้อนได้ดี
ข้อเสียของโคพันธุ์นี้คือ ในการให้นมต้องให้ลูกโคกระตุ้นเร้าให้แม่โคปล่อยน้ำนม
เต้านมเป็นรูปกรวยและหัวนมรวมเป็นกระจุก ทำให้รีดนมได้ยาก ขนาดของหัวนมใหญ่เกินไป ถ้าทำการหย่านมลูก แม่โคจะหยุดให้นม
พันธุ์โคนมที่เลี้ยงในประเทศไทย
1.พันธุ์ไทยฟรีเชียน (Thai Friesian)
เกษตรกรทั่วไปมักเรียกว่า “ โคเลือดสูง ” หมายถึงโคนมลูกผสมที่มีเลือดโคนมพันธุ์โฮลส์ไตน์ฟรีเชี่ยน
มากกว่า 75 % ปัจจุบันเกษตรกรเลี้ยงกันมากในจังหวัดสระบุรี, นครราชสีมา, ลพบุรี และราชบุรี รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ โคพันธุ์นี้ให้ผลผลิตน้ำนมค่อนข้างสูง จากข้อมูลสำหรับฟาร์มที่มีการจัดการด้านอาหารอย่างเหมาะสมให้ผลผลิตน้ำนมเฉลี่ยประมาณ 4,000 – 5,000 กิโลกรัม ต่อระยะการให้นม หรือผลผลิตน้ำนมในระยะให้นมสูง (peak)
หลังคลอดไม่ต่ำกว่า 15 กิโลกรัม โคพันธุ์นี้เหมาะสำหรับเกษตรกรที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงโคนมมาแล้วสำหรับในส่วนของกรมปศุสัตว์ได้มีการเลี้ยงโคนมพันธุ์ไทยฟรีเชี่ยน ที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์เชียงใหม่, ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์สุราษฎร์ธานี, ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ทับกวาง, สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์ปากช่อง, สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์สกลนคร, สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์สระแก้ว
2.พันธุ์ ที เอ็ม แซด (Thai Milking Zebu)
เกษตรกรทั่วไปมักเรียกว่า “โคเลือด 75 ” หมายถึง โคนมลูกผสมที่มีเลือดโคนมพันธุ์โฮลส์ไตน์ฟรีเชี่ยน
75 % ส่วนสายเลือดที่เหลือ 25 % เป็นโคพันธุ์ซีบู โคพันธุ์นี้เหมาะสำหรับเกษตรกรรายใหม่ กลุ่มที่ได้มีการผสมพันธุ์และคัดเลือกแล้วให้ผลผลิตน้ำนมเฉลี่ยประมาณ3,000 – 4,000 กิโลกรัม ต่อระยะการให้นม ในส่วนของกรมปศุสัตว์ได้มีการเลี้ยงและศึกษาโคนมพันธุ์นี้ที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ลำพญากลาง จังหวัดนครราชสีมา
3.พันธุ์โฮลสตน์ฟรีเชียน หรือพันธุ์ขาว - ดำ (Holstein - Friesian)
เป็นโคนมพันธุ์ที่กรมปศุสัตว์ได้คัดเลือกให้เป็นพันธุ์หลักในการปรับปรุงพันธุ์โคนมของประเทศ โคพันธุ์นี้
มีถิ่นกำเนิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ในทวีปยุโรป
สำหรับโคพันธุ์นี้ในทวีปยุโรปมักนิยมเรียกว่าพันธุ์ฟรีเชี่ยน (Friesian) ซึ่งชื่อนี้สอดคล้องกับเมืองฟรีแลนด์
(Friesland) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเนเธอร์แลนด์ แต่ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และ แคนาดา เรียกโคนมพันธุ์นี้ว่าพันธุ์โฮลส์ไตน์ (Holstein) ซึ่งคาดว่าเรียกตามชื่อรัฐHolstein ซึ่งอยู่ในประเทศเยอรมัน แต่สำหรับประเทศไทยรวมทั้งหลาย ๆ ประเทศได้มีการนำเข้าน้ำเชื้อและตัวโคจากประเทศในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และแคนาดาจึงมีการเรียกโคพันธุ์นี้รวมว่าพันธุ์โฮลส์ไตน์ฟรีเชี่ยน (Holstein Friesian) โคพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่เพศผู้หนัก 800 – 1,000 กิโลกรัม เพศเมียน้ำหนัก 500 – 800 กิโลกรัม ผลิตน้ำนมเฉลี่ย 6,000 –7,000 กิโลกรัม ต่อ ระยะการให้นม มีนิสัยค่อนข้างเชื่อง รีดนมง่ายไม่เตะ หรือ อั้นน้ำนม โคนมพันธุ์โฮลส์ไตน์ ส่วนใหญ่มีสีขาวดำ โดยสีขาว หรือ ดำ จะมากหรือน้อยกว่าก็ได้ จึงมักเรียกชื่อ ง่ายๆ ว่าโคนมพันธุ์ขาวดำ (Black & White Holstein) แต่จริง ๆ แล้วโคนมพันธุ์โฮลส์ไตน์ ยังมีสีขาวแดอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมักเรียกว่า Red & White Holstein แต่ลักษณะสีขาวดำเป็นลักษณะยีนเด่น (Dominant Gene)
ส่วนลักษณะสีขาวแดงเป็นยีนด้อย (Recessive Gene) ซึ่งเมื่อใช้น้ำเชื้อขาวดำ ผสมกับ แม่โคขาวแดง ลูกที่ได้